clock OPEN: 10.00 AM – 8.00 PM

OUR SERVICESฟันปลอม

Photo Credit: https://www.freepik.com/ by prostooleh

ตอบทุกข้อสงสัย ฟันปลอม คืออะไร ถ้าเราอยากทำฟันปลอมต้องเลือกแบบไหนถึงจะดี

รู้หรือไม่ ฟันปลอม ไม่ได้มีแค่ฟันปลอมทั้งปากเท่านั้น แต่ยังมีฟันปลอมรายซี่ที่ช่วยแก้ปัญหาแบบเฉพาะจุดด้วยนะ ใครที่อยากรู้ว่าฟันปลอมจริง ๆ แล้วคืออะไร มีกี่ประเภท แล้วถ้าเราอยากทำฟันปลอมต้องเลือกอย่างไร มาหาคำตอบพร้อม ๆ กันได้เลย

ถ้าพูดถึงฟันปลอม เราเชื่อว่าทุกคนนึกถึงฟันปลอมแบบทั้งปากที่เราเห็นจนชินตาในภาพยนตร์กันอย่างแน่นอน แต่อันที่จริงแล้ว ฟันปลอมทางทันตกรรมมีหลากหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมในการใช้งาน และการแก้ปัญหาภายในช่องปาก วันนี้ The Tooth Club จึงอยากชวนทุกคนมาเปิดโลกของฟันปลอมกันว่ามีกี่ประเภท แต่ละประเภทมีหน้าตาเป็นอย่างไร เหมาะกับการใช้งานแบบไหน แล้วถ้าวันหนึ่งเราอยากทำฟันปลอม ควรเลือกแบบไหนถึงจะดี

ฟันปลอม คืออะไร ?

ฟันปลอม (Denture) คือ ฟันประดิษฐ์ที่ผลิตขึ้นมาทดแทนฟันธรรมชาติที่สูญเสียไปจากสาเหตุต่าง ๆ มีทั้งแบบฟันซี่เดี่ยว ฟันหลายซี่ และฟันทั้งปาก สามารถสวมใส่เพื่อทดแทนฟันแท้ของเราได้ทุกซี่ทุกตำแหน่ง มีหลากหลายวัสดุ ขึ้นอยู่กับการใช้งาน เพื่อให้เราสามารถกินอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพเหมือนเดิม ทั้งยังช่วยป้องกันไม่ให้ฟันล้ม ฟันเอียง รวมไปถึงป้อนกันการกระแทกจากฟันคู่สบที่ไม่ตรงกันได้อีกด้วย

ฟันปลอม มีทั้งหมดกี่แบบ อะไรบ้าง

  • ฟันปลอมแบบถอดได้ (Removable Denture) เป็นฟันปลอมที่เราสามารถถอดออกมาทำความสะอาดได้ ไม่ได้ยึดติดกับฟัน หรือเหงือกของเราอย่างถาวร เหมาะสำหรับผู้ที่ยังมีฟันธรรมชาติหลงเหลืออยู่เพื่อใช้เป็นที่ยึดเกาะของฟันปลอม ฟันปลอมแบบถอดได้ แบ่งย่อยออกเป็น 2 รูปแบบ คือ
    • ฟันปลอมบางส่วน ที่ใช้ทดแทนฟันที่สูญเสียไปเป็นรายซี่ ทำจากวัสดุต่าง ๆ อาทิ พลาสติก โลหะ และพลาสติกยืดหยุ่นสูง เพื่อให้เหมาะสำหรับการใช้งาน
    • ฟันปลอมทั้งปาก ทำจากพลาสติกทั้งหมด หรือมีโลหะร่วมด้วย สำหรับทดแทนฟันธรรมชาติที่สูญเสียไปทั้งหมด
  • ฟันปลอมแบบติดแน่น (Fixed Prosthodontics) เป็นฟันปลอมที่ยึดติดเข้ากับช่องปากของเราอย่างถาวร โดยอาศัยฟันธรรมชาติที่อยู่ข้างเคียง หรือเนื้อฟันเดิมที่มีอยู่เป็นตัวยึด ไม่สามารถถอดออกมาได้ อาจทำให้รู้สึกรำคาญในช่วงแรกที่สวมใส่ แต่มีความแข็งแรงคงทนกว่าฟันปลอมแบบถอดได้ ฟันปลอมติดแน่น แบ่งออกเป็นประเภทต่าง ๆ ได้แก่
    • ครอบฟัน (Dental Crown) เป็นการนำวัสดุเสมือนฟันครอบลงบนฟันที่ได้รับความเสียหายทั้งซี่ เพื่อป้องกันการสูญเสียฟันซี่นั้น และเพื่อให้การเคี้ยวอาหารกลับมามีประสิทธิภาพดังเดิม
    • สะพานฟัน (Bridge) เป็นการครอบฟันที่มีปัญหาโดยใช้ฟัน 2 ซี่ด้านข้างเป็นหลักยึด เหมาะสำหรับคนที่ยังมีฟันธรรมชาติขนาบข้างอยู่
    • รากฟันเทียม (Dental Implant) เป็นการการสร้างรากฟันเทียมมาทดแทนรากฟันจริงที่สูญเสียไป โดยใช้ฟันเทียมลักษณะคล้ายสกรู ฝังให้ยึดติดกับกระดูกขากรรไกร

ข้อดี ข้อเสีย ของฟันปลอมแต่ละประเภท มีอะไรบ้าง

ข้อดีของฟันปลอมแบบถอดได้

  • ค่าใช้จ่ายไม่แพง
  • ใช้เวลาทำไม่นาน และไม่ซับซ้อน
  • สวยงามใกล้เคียงกับฟันธรรมชาติ
  • ป้องกันฟันข้างเคียงไม่ให้เอียง ล้ม หรือฟันคู่สบยื่นยาวลงมา
  • ถอดออกมาทำความสะอาดได้ง่าย
  • ใส่ได้หลายซี่ หรือใส่ได้ทั้งปาก

ข้อเสียของฟันปลอมแบบถอดได้

  • อาจทำให้รู้สึกรำคาญขณะสวมใส่
  • เคี้ยวอาหารไม่สะดวก หากเคี้ยวของแข็ง หรือเหนียวมาก ๆ อาจทำให้เจ็บเหงือกได้
  • เมื่อใช้งานไประยะหนึ่ง ฟันปลอมอาจหลวม และหลุดจากตำแหน่งเดิมได้ง่ายขึ้น
  • อาจมีเศษอาหารติดใต้ฟันปลอมได้
  • มีโอกาสหลงลืมทิ้งไว้จนทำให้ต้องทำใหม่ได้

ข้อดีของฟันปลอมแบบติดแน่น

  • ติดแน่นทนนาน ไม่หลุดง่าย
  • สามารถบดเคี้ยวอาหารได้ใกล้เคียงกับฟันจริง
  • รู้สึกรำคาญแค่ช่วงแรกที่ใส่
  • มีลักษณะภายนอกใกล้เคียงกับฟันจริง
  • อายุการใช้งานนาน

ข้อเสียของฟันปลอมแบบติดแน่น

  • ค่าใช้จ่ายสูงกว่าฟันปลอมแบบถอดได้
  • ถอดออกมาล้างทำความสะอาดไม่ได้ หากไม่ทำความสะอาดภายในช่องปากให้ดี อาจเกิดปัญหา และโรคร้ายตามมาได้
  • ต้องมีการกรอฟันออก ทำให้สูญเสียเนื้อฟันไป

ใครบ้างที่ควรใส่ฟันปลอม

ผู้ที่ควรใส่ฟันปลอม คือ ผู้ที่สูญเสียฟันธรรมชาติไปแล้วจำเป็นต้องใส่ฟันเทียมเข้ามาทดแทน โดยประเภทของฟันปลอมที่จะใส่ ขึ้นอยู่กับสาเหตุ ลักษณะของปัญหา และดุลยพินิจของทันตแพทย์ กลุ่มคนที่ควรใส่ฟันปลอม ได้แก่

  • ผู้ที่มีปัญหาฟันบิ่น หัก แตก หรือคนที่สูญเสียฟันจากอุบัติเหตุ
  • ผู้ที่สูญเสียฟันธรรมชาติไปจากหลายสาเหตุ เช่น อายุที่มากขึ้น ฟันผุอย่างรุนแรง เป็นต้น
  • ผู้ที่มีปัญหาโรคเหงือกอักเสบจนต้องถอนฟัน

ฟันปลอมแต่ละแบบ ราคาเท่าไหร่

ฟันปลอมแต่ละแบบมีราคาไม่เท่ากัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้ จำนวนซี่ที่ต้องทำ รวมไปถึงคลินิก หรือสถานพยาบาลที่คนไข้เข้ารับการรักษาด้วย โดยส่วนใหญ่ฟันปลอมแบบถอดได้จะมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 3,000 บาท ส่วนฟันปลอมแบบติดแน่นจะมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 15,000 บาท

วิธีการดูแลฟันปลอม

  • ไม่ควรกินอาหารที่มีความแข็ง หรือเหนียวเกินไป เพราะอาจทำให้ฟันปลอมทำงานหนักได้ ทั้งในผู้ที่ใส่ฟันปลอมแบบถอดได้ และแบบติดแน่น
  • ทำความสะอาดฟัน และช่องปากให้ดีหลังกินอาหารทุกครั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้เศษอาหารติดตามซอกฟัน หรือติดในฟันปลอม
  • สำหรับฟันปลอมแบบถอดได้ ควรถอดออกก่อนเข้านอนทุกครั้ง ทำความสะอาดให้เรียบร้อยด้วยน้ำสะอาดกับแปรงสีฟัน จากนั้นแช่น้ำทิ้งไว้ อย่าปล่อยให้ฟันปลอมแห้ง และควรแช่เม็ดฟู่ทำความสะอาดฟันสัปดาห์ละ 1 ครั้ง
  • สำหรับฟันปลอมแบบติดแน่น ใช้ไหมขัดฟันทำความสะอาดคอฟัน และขอบเหงือกทุกครั้ง เพื่อขจัดเศษอาหารให้หลุดออกไป
  • ควรพบทันตแพทย์ทุก ๆ 6 เดือน เพื่อตรวจสภาพฟันปลอม และตรวจสุขภาพภายในช่องปาก

คำถามที่พบบ่อย

  • ฟันปลอมอยู่ได้นานกี่ปี

ตอบ ขึ้นอยู่กับประเภทฟันปลอมที่สวมใส่ หากเป็นฟันปลอมแบบถอดได้จะมีอายุการใช้งานประมาณ 5-10 ปี ส่วนฟันปลอมแบบติดแน่นจะมีอายุการใช้งานประมาณ 15 ปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมในชีวิตประจำวันของคนไข้ วัสดุของฟันปลอม รวมไปถึงการดูแลรักษาด้วย

  • ใส่ฟันปลอมอยู่ จัดฟันได้ไหม

ตอบ ถ้าเป็นฟันปลอมแบบถอดได้ ทันตแพทย์จะพิจารณาให้หยุดการใช้ฟันปลอมระหว่างจัดฟัน แต่ถ้าเป็นฟันปลอมแบบติดแน่น สามารถจัดฟันได้ตามปกติ แต่คนไข้ควรแจ้งทันตแพทย์ก่อนว่ามีซี่ใดที่เป็นฟันปลอมบ้าง