clock OPEN: 10.00 AM – 8.00 PM

OUR SERVICESตัดเหงือก

ตัดเหงือก คืออะไร น่ากลัวไหม มีข้อดีข้อเสียอะไรบ้าง

ตัดหงือก คืออะไร ? ลักษณะเหงือกแบบนี้ตัดเหงือกได้ไหม ? แล้วก่อนตัดเหงือกต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง ? และอีกหลายคำถามคาใจเกี่ยวกับการตัดเหงือก วันนี้ The Tooth Club คลินิกทันตกรรมแบบครบวงจร จะมาอธิบายทุกเรื่องที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจตัดเหงือก เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจให้กับทุกคนกัน

ปัจจุบันการตัดเหงือกเป็นที่รู้จักและนิยมอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะสำหรับใครที่ยิ้มแล้วเห็นเหงือกเยอะ (Gummy Smile) เหงือกคลุมตัวฟันมากเกินไปจนดูสั้น (Short Teeth) หรือแม้กระทั่งคนที่มีขอบเหงือกของฟันแต่ละซี่ไม่เท่ากัน (Uneven Gum Line) ปัญหาเหล่านี้อาจทำให้หลายคนขาดความมั่นใจ และส่งผลต่อบุคลิกภาพได้ การตัดเหงือกจึงเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ตอบโจทย์ และเห็นผลมากที่สุด ที่จะสามารถช่วยให้เรากลับมามีรอยยิ้มที่สดใสและมั่นใจได้อีกครั้ง

ตัดเหงือก คืออะไร ? น่ากลัวไหม

ถึงแม้การตัดเหงือกจะฟังดูน่ากลัว แต่อันที่จริงแล้วมีประโยชน์สำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับเหงือกมากทีเดียว เพราะ การตัดเหงือก หรือการศัลยกรรมตัดเหงือก (Gum Contouring Surgery) คือ การผ่าตัดเพื่อปรับรูปทรงของเหงือก แก้ไขปัญหาสุขภาพเหงือก และเพิ่มความสมดุลให้กับรอยยิ้ม โดยคำนึงถึงการออกแบบเหงือกและฟันให้เหมาะกับลักษณะของใบหน้าแต่ละคน เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ออกมาดูสวยงาม และเป็นธรรมชาติมากที่สุด

โดยปกติแล้ว การตัดเหงือก มักทำร่วมกับการถอนฟันคุด การรักษาราก การจัดฟัน และการครอบฟัน (Veneer) เพื่อให้องค์รวมของฟัน และปากทั้งหมดออกมามีมิติ และดูสวยงามมากยิ่งขึ้น

ตัดเหงือก หรือการศัลยกรรมเหงือก มีกี่ประเภท อะไรบ้าง

การตัดเหงือก หรือศัลยกรรมตกแต่งเหงือก แบ่งออกเป็น 2 ประเภทตามวัตถุประสงค์ และการประเมินของแพทย์ ดังนี้

  • การตัดเหงือก (Gingivectomy)

เป็นวิธีที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาไม่เยอะมาก คือ ฟันปกติ แต่มีเหงือกเยอะเกินไป หรือมีเหงือกหนาจนคลุมเนื้อฟัน ทำให้ฟันดูเตี้ย และไม่สวยงาม วิธีการนี้ทันตแพทย์จะใช้เครื่องตัดเหงือกเลเซอร์ตัดเหงือกส่วนเกินออกไป ทำให้เหงือกสม่ำเสมอ และเรียบเสมอกัน หลังทำจะมีอาการบวมเพียงเล็กน้อย ไม่ต้องพักฟื้น ไม่ต้องเย็บแผล

  • การตัดเหงือกกรอกระดูกฟัน (Aesthetic Crown Lengthening)

เป็นการตัดเหงือกร่วมกับการศัลยกรรมกระดูก เพื่อกรอกระดูกฟัน และตัดเหงือกที่คลุมฟันออกจนทำให้ฟันดูยาวขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีเหงือกคลุมฟันมาก และมีกระดูกฟันนูนร่วมด้วย โดยทันตแพทย์จะผ่าตัดเปิดเหงือกเพื่อกรอกระดูกฟันออก จากนั้นตกแต่งให้สวยงาม ใช้เวลาพักฟื้นเล็กน้อย แต่ต้องดูแลความสะอาดเป็นพิเศษ เพื่อไม่ให้แผลติดเชื้อ หรืออักเสบภายหลัง

ทำความเข้าใจ ใครที่ควรตัดเหงือก

  • ผู้ที่มีปัญหายิ้มเห็นเหงือก (Gummy Smile)

ผู้ที่ยิ้มแล้วเห็นเหงือกมากเกินไป เกิดจากภาวะที่เหงือกหนาจนล้น ส่งผลให้รอยยิ้มดูไม่สวยงาม ซึ่งการตัดเหงือกสามารถช่วยลดเนื้อเยื่อเหงือกส่วนเกิน และปรับรูปทรงของเหงือกให้ดูสมดุล ทำให้มีรอยยิ้มที่สวยงามขึ้นได้ โดยส่วนมากการตัดเหงือกมักทำร่วมกับการผ่าฟันคุด เพื่อให้เหงือกดูเรียบเนียน และสวยงาม

  • ผู้ที่มีปัญหาเหงือกคลุมตัวฟันมากเกินไป (Short Teeth)

ผู้ที่มีเหงือกหนาจนทำให้ฟันที่โผล่พ้นเหงือกออกมาดูเตี้ยสั้น ส่งผลให้เกิดปัญหา ฟันขึ้นไม่สมบูรณ์ (Delayed Passive Eruption) พูดไม่ชัด รับประทานอาหารไม่สะดวก รวมถึงอาจมีรอยผุ หรือรอยแตกซ่อนอยู่ใต้ขอบเหงือก อาจนำไปสู่โรคปริทันต์ในอนาคตได้

  • ผู้ที่มีระดับขอบเหงือกของฟันแต่ละซี่ไม่เท่ากัน (Uneven gum line)

สำหรับผู้ที่มีระดับขอบเหงือกไม่เสมอกัน อาจทำให้รอยยิ้มดูไม่สวยงามเท่าที่ควร การตัดเหงือกสามารถช่วยปรับระดับขอบเหงือกให้มีความสม่ำเสมอกัน ทำให้รอยยิ้มดูมีความสมดุลและสวยงามมากขึ้นได้

  • ผู้ที่มีปัญหาเหงือกอักเสบ (Gingivitis) หรือโรคปริทันต์ (Periodontitis)

ในกรณีที่คนไข้มีปัญหาเหงือกอักเสบหรือโรคปริทันต์ มีเหงือกที่หนาเกินไป หรือมีร่องเหงือกลึกจนทำให้ไม่สามารถรักษาด้วยวิธีทั่วไปได้ การตัดเหงือกเป็นวิธีที่สามารถช่วยกำจัดเนื้อเยื่อบริเวณเหงือกที่ติดเชื้อ รวมถึงช่วยลดความเสี่ยงของการลุกลามไปยังฟันและกระดูกได้

  • ผู้ที่มีเนื้องอกที่เหงือก หรือมีก้อนเหงือกที่มีลักษณะผิดปกติ

เช่น เนื้องอกชนิดไม่ร้ายแรง (Fibroma) ที่สามารถใช้วิธีการตัดเหงือกเพื่อกำจัดเนื้อเยื่อเหงือกส่วนเกินทิ้งได้ รวมถึงช่วยป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาในการเคี้ยว และช่วยให้ทำความสะอาดช่องปากได้ง่ายขึ้นอีกด้วย

Photo Credit: https://www.freepik.com/ by dcstudio

การตัดเหงือกด้วยเลเซอร์ (Laser Gingivectomy)

เป็นวิธีการตัดเหงือกโดยใช้เครื่องตัดเหงือกไฟฟ้ายิงแสงเลเซอร์ที่มีความยาวคลื่นเฉพาะ เพื่อกำจัดเนื้อเยื่อเหงือกส่วนเกินออก รวมไปถึงตัดแต่ง และเปลี่ยนรูปร่างของเหงือกให้สวยงามขึ้น วิธีการนี้ได้รับความนิยมมากกว่าการตัดเหงือกด้วยมีด เพราะรวดเร็วกว่า สามารถปรับแนวเหงือกให้เรียบเสมอกันได้ และสามารถตัดเหงือกบางส่วนออกเพื่อให้เห็นฟันเต็มซี่ได้อย่างสวยงาม

ข้อดี

  • เป็นเทคนิคที่มีความทันสมัยกว่า
  • มีประสิทธิภาพ และมีความแม่นยำสูง
  • สามารถห้ามเลือด และสมานแผลได้ขณะผ่าตัด
  • ใช้ระยะเวลาในการผ่าตัดน้อยกว่า
  • เจ็บน้อยกว่า
  • แผลมีขนาดเล็ก และไม่ต้องเย็บแผล
  • ใช้เวลาในการพักฟื้นน้อยกว่า ประมาณ 1-2 วัน
  • มีความร้อนในระหว่างกระบวนการทำ จึงสามารถช่วยลดแบคทีเรีย และโอกาสที่จะเกิดการติดเชื้อได้

ข้อเสีย

  • ราคาสูงกว่าวิธีตัดเหงือกด้วยใบมีด
  • อาจไม่เหมาะกับการรักษาในกรณีที่ ผู้ป่วยมีปัญหาเหงือกติดเชื้อรุนแรง หรือเป็นโรคปริทันต์
  • ทันตแพทย์จะต้องมีความชำนาญ และเชี่ยวชาญในการใช้เครื่องตัดเหงือกไฟฟ้า

ก่อนการตัดเหงือก ต้องเตรียมตัวอย่างไร

  • ตรวจสุขภาพภายในช่องปาก หากพบว่ามีฟันผุหรือหินปูน ควรรักษาให้เรียบร้อย 2 สัปดาห์ก่อนเข้ารับการตัดเหงือก
  • งดสูบบุหรี่อย่างน้อย 2 สัปดาห์ทั้งก่อนและหลังตัดเหงือก เพราะบุหรี่ทำให้แผลหายช้า และยังมีส่วนทำให้เหงือกเกิดการอักเสบอย่างรุนแรง
  • หากมีโรคประจำตัว มียาที่ต้องกินเป็นประจำ หรือมีประวัติการแพ้ยา ควรแจ้งทันตแพทย์ก่อนเริ่มทำการรักษาทุกครั้ง
  • ทันตแพทย์จะเอกซเรย์เพื่อประเมินระดับกระดูก และเลือกรูปแบบการตกแต่งเหงือกอย่างเหมาะสม
  • ตัดเหงือกเสร็จแล้ว ดูแลตัวเองอย่างไร
  • หากเป็นการผ่าเหงือกด้วยมีด งดการแปรงฟันบริเวณที่ผ่าเหงือกประมาณ 3 วัน ให้ใช้ไหมขัดฟัน และน้ำยาฆ่าเชื้อทำความสะอาดช่องปากแทน โดยใช้วันละ 2 ครั้ง นานครั้งละ 1 นาที
  • หากเป็นการผ่าเหงือกด้วยเลเซอร์ สามารถทำความสะอาดฟันได้ปกติ โดยแปรงฟันให้ถูกวิธี แปรงอย่างเบามือ และระมัดระวัง
  • กินยาบรรเทาอาการปวดได้ หากมีอาการบริเวณที่ผ่าไป
  • กินยาฆ่าเชื้อที่ทันตแพทย์จ่ายมาให้จนหมด
  • หลีกเลี่ยงอาหารร้อน อาหารรสจัด อาหารแข็ง เพื่อไม่ให้แผลผ่าตัดเกิดการระคายเคือง
  • งดทำกิจกรรมที่อาจส่งผลข้างเคียงต่อฟัน เช่น การต่อยมวย
  • ดูแลรักษาสุขภาพภายในช่องปากให้ดี เพื่อลดความเสี่ยงจากแผลติดเชื้อ
  • พบทันตแพทย์ตามนัด เพื่อติดตามอาการ และควรไปพบทันตแพทย์อย่างต่อเนื่อง 6 เดือนครั้งเพื่อนตรวจสภาพภายในช่องปากโดยรวม

สุดท้ายนี้ การเลือกวิธีตัดเหงือกที่เหมาะสมนั้น ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ลักษณะของปัญหาสุขภาพเหงือก งบประมาณ ความต้องการด้านความงาม และความชำนาญของทันตแพทย์ ผู้ที่สนใจอยากเข้ารับบริการตัดเหงือก สามารถเข้ามาปรึกษากับทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ The Tooth Club ได้ เราพร้อมให้คำปรึกษาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย เพราะที่คลินิกของเราพร้อมส่งมอบรอยยิ้มที่สวยมั่นใจ และสุขภาพภายในช่องปากที่แข็งแรงให้กับทุกคน ภายใต้การดูแลของทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง เครื่องมือที่ทันสมัยได้มาตรฐานระดับสากล ในราคาที่จับต้องได้ ไม่มีบวกเพิ่ม

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการตัดเหงือก

  • การตัดเหงือก เจ็บไหม

ตอบ ก่อนการผ่าตัด ทันตแพทย์จะฉีดยาชาเพื่อบรรเทาอาการปวดให้ ดังนั้น ระหว่างการผ่าตัดคนไข้จะไม่รู้สึกเจ็บใด ๆ แต่หลังผ่าตัดเสร็จแล้วอาจมีปวดระบมบ้างเป็นปกติ สามารถบรรเทาได้ด้วยการประคบเย็น หรือกินยาแก้ปวด

  • หลังจากตัดเหงือกแล้ว กินอะไรได้บ้าง

ตอบ แนะนำเป็นอาหารอ่อนเพื่อลดการระคายเคือง เช่น ข้าวต้มหรือโจ๊ก แกงจืด น้ำผลไม้ นม ผักตระกูลเบอร์รี่ และอาหารที่มีโปรตีนสูง

  • ตัดเหงือกไปแล้ว เหงือกจะงอกอีกไหม

ตอบ มีโอกาส หากเป็นการตัดแต่งเหงือกโดยไม่ได้กรอกระดูกฟันออก เพราะขอบกระดูกฟันเดิมยังอยู่ จึงทำให้เหงือกที่ถูกตัดไปมีโอกาสงอกขึ้นมาใหม่ หรือกลับคืนมาเหมือนเดิมได้ หากคนไข้กังวลเรื่องนี้ สามารถปรึกษาทันตแพทย์เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมต่อไปได้

  • ตัดเหงือกแล้วสามารถจัดฟันได้ไหม

ตอบ ได้ แถมการตัดเหงือกยังส่งผลดีต่อการจัดฟันด้วย เพราะพื้นที่ในการติดเครื่องจัดฟันมีเพิ่มมากขึ้น แต่ทั้งนี้ การจะตัดเหงือกก่อนหรือหลังจัดฟัน ควรอยู่ในดุลยพินิจของทันตแพทย์ หากคนไข้มีแผนจะทำทั้งสองอย่าง แนะนำให้ปรึกษาทันตแพทย์เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมจะดีที่สุด

  • ตัดเหงือก แพงไหม ราคาเท่าไหร่

ตอบ ราคาของการตัดเหงือกจะแตกต่างกันออกไปตามคลินิก และสถานพยาบาล โดยทั่วไปจะมีราคาเริ่มต้นต่อ 1 ซี่อยู่ที่ 1,000-3,000 บาท ส่วนการตัดเหงือกร่วมกับการตัดกระดูก ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ซี่ละ 3,000- 5,000 บาท

  • ถ้าอยากตัดเหงือก ควรเลือกที่ไหนดี

ตอบ ควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีใบอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาล และใบอนุญาตให้ดำเนินการสถานพยาบาลถูกต้องตามกฎหมาย มีอุปกรณ์ และเครื่องมือทันสมัย คลินิกสะอาด มีทีมแพทย์เฉพาะทางวางแผนการรักษาที่เหมาะสม มีราคาที่ชัดเจน สมเหตุสมผล และมีการติดตามผลหลังทำ

ที่ The Tooth Club เรามีทีมทันตแพทย์มากประสบการณ์ มีความรู้ด้านทันตกรรมเฉพาะทางของแต่ละสาขา ใช้เครื่องมือ และอุปกรณ์เทคโนโลยีที่ทันสมัย มีระบบปลอดเชื้อเพื่อรักษาสุขอนามัยตลอดการรักษาตามมาตรฐานสากล เพื่อให้คนไข้ทุกคนมั่นใจว่าการรักษาที่คลินิกของเราปลอดภัย สามารถวางแผนการรักษาได้ตรงจุด และให้การดูแลอย่างใกล้ชิดเหมือนเป็นสมาชิกในครอบครัว