clock OPEN: 10.00 AM – 8.00 PM

OUR SERVICESself-ligating braces

การจัดฟันแบบ Self-ligate คืออะไร มีทั้งหมดกี่แบบ แต่ละแบบเหมาะสำหรับฟันแบบไหน?

ใครที่กำลังมองหาตัวเลือกในการจัดฟันนอกเหนือจากการจัดฟันแบบโลหะอยู่ เราจะพาไปทำความรู้จักการจัดฟันแบบ Self-ligate ว่าคืออะไร แตกต่างจากแบบโลหะอย่างไร และเหมาะสำหรับการจัดฟันแบบไหนบ้าง

ในยุคปัจจุบันที่เทคโนโลยีด้านทันตกรรมก้าวหน้าไปไกล หนึ่งในเทคโนโลยีที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ คือการจัดฟันด้วยนวัตกรรมใหม่อย่าง Self-ligate หรือการจัดฟันแบบไม่รัดยาง เพราะนวัตกรรมนี้ช่วยอำนวยความสะดวกให้การจัดฟันรวดเร็วทันใจมากยิ่งขึ้น คนไข้รู้สึกเจ็บน้อยลง ทำความสะอาดง่าย ทั้งยังยิ้มได้อย่างมั่นใจแม้จะมีเครื่องมือติดอยู่บริเวณหน้าฟัน ใครที่กำลังสนใจอยากจัดฟันด้วยนวัตกรรมนี้ The Tooth Club จะพาไปทำความเข้าใจความหมาย เครื่องมือที่ใช้ รวมไปถึงวิธีการดูแลตัวเองหลังจัดฟันด้วยวิธีนี้กัน

Self-ligate คืออะไร

การจัดฟันแบบ Self-ligating (Self-ligating Braces) เป็นการจัดฟันด้วยนวัตกรรมใหม่แบบไม่ต้องรัดยางที่สามารถแก้ปัญหาได้ทั้งฟันห่าง ฟันเก ฟันล้ม รวมไปถึงการสบฟันที่ผิดปกติได้อย่างมีประสิทธิภาพ ได้รับการรับรองทางการแพทย์แล้วว่าสามารถลดเวลาในการจัดฟันให้น้อยลงได้ ให้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ และรู้สึกสบายขณะสวมใส่อุปกรณ์จัดฟัน เนื่องจากการจัดฟันรูปแบบนี้ถูกออกแบบมาเพื่อลดแรงเสียดทานของเครื่องมือขณะใช้เคลื่อนฟันโดยเฉพาะ จึงทำให้การเคลื่อนฟันมีประสิทธิภาพมากขึ้น คนไข้รู้สึกระคายเคืองน้อยลง

การทำงานของการจัดฟันรูปแบบนี้จะใช้กลไกบานพับขนาดเล็ก หรือคลิปล็อกยึดกับลวดอย่างหลวม ๆ ด้วยตัวเองโดยไม่จำเป็นต้องใส่ยางรัดฟัน (O-ring) เป็นเครื่องมือที่ดึงจุดเด่นของ Self-Ligating Brackets กับ Hi-Tech Arch Wires มาผสมไว้ด้วยกัน ฟันจะเคลื่อนตัวไปยังตำแหน่งที่ต้องการได้ไวขึ้น ทั้งยังไม่จำเป็นต้องมาพบทันตแพทย์ทุกเดือน ก็เป็นเจ้าของฟันเรียงสวยได้ตามที่ต้องการ

การจัดฟันแบบ Self-ligate มีทั้งหมดกี่แบบ

ที่ The Tooth Club แบ่งประเภทของ Self-ligate ออกเป็น 2 รูปแบบตามยี่ห้อของเครื่องมือที่ใช้ คือ Damon กับ Speedy Align โดยมีรายละเอียดของแต่ละยี่ห้อดังนี้

  • Damon System เป็นแบรนด์เครื่องมือสำหรับการจัดฟันติดแน่นแบบไม่รัดยาง เหมาะสำหรับคนที่มีเวลาน้อย อยากให้ฟันเข้ารูปไวในระยะเวลาอันสั้น ระคายเคืองน้อย ไม่ต้องถอนฟัน มี Sliding Bracket เป็นวัสดุติดฟัน ผสมผสานกับลวดติดฟันรุ่นใหม่ชนิดพิเศษ Space-age Archwires ที่ช่วยให้ฟันเคลื่อนตัวไปยังตำแหน่งที่ต้องการได้ง่ายกว่า

ข้อดี

  • ย่นระยะเวลาในการจัดฟันได้มาก
  • คนไข้รู้สึกเจ็บ และระคายเคืองน้อยกว่า
  • ช่วยให้คนไข้สบายปากขณะสวมใส่มากกว่าการจัดฟันแบบอื่น
  • ไม่ต้องมาพบทันตแพทย์บ่อย
  • ไม่จำเป็นต้องถอนฟัน
  • ไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องมือเสริมชนิดอื่น

ข้อเสีย

  • มองเห็นโลหะจัดฟันชัดเจน
  • เป็นเครื่องมือติดแน่น ไม่สามารถถอดเข้า-ออกได้
  • อาจเกิดการระคายเคืองได้ในช่วงแรก เนื่องจากช่องปากอยู่ในช่วงปรับตัว
  • ดูแลทำความสะอาดยาก ต้องใช้อุปกรณ์พิเศษ
  • อาจส่งผลต่อการพูดออกเสียงในช่วงที่ช่องปากกำลังปรับตัว

 

  • Speed Align เป็นอีกหนึ่งแบรนด์เครื่องมือสำหรับการจัดฟันแบบไม่รัดยาง และคล้ายคลึงกับ Damon System คือเป็นเครื่องมือที่ทำงานด้วยระบบ Speed System มีวัสดุติดผิวฟันที่เรียกว่า Sliding Bracket ที่ผสมผสานกับลวดจัดฟันชนิดพิเศษ Space-age Archwires เพื่อให้ฟันเคลื่อนเข้าสู่ตำแหน่งที่ต้องการเร็วขึ้น ลดความฝืดลง จึงทำให้ฟันเข้าที่ไวกว่าการจัดฟันแบบทั่วไป

ข้อดี

  • ฟันเคลื่อนที่เร็วขึ้น ย่นระยะเวลาการจัดฟันให้น้อยลง
  • ไม่ต้องพบทันตแพทย์ทุกเดือน (ในบางเคส)
  • เจ็บฟันน้อยกว่าการจัดฟันแบบปกติ เพราะใช้แรงดึงฟันน้อย
  • ลดความจำเป็นในการถอนฟันลง
  • ให้ผลลัพธ์น่าประทับใจ ช่วยให้รอยยิ้ม และโครงหน้าสวยงาม
  • ดูแลทำความสะอาดง่าย แปรงฟันสะดวก ลดโอกาสเกิดฟันผุ และโรคเหงือกอักเสบ

ข้อเสีย

  • ต้องใช้อุปกรณ์ในการทำความสะอาดแบบเฉพาะ
  • มองเห็นลวดจัดฟันชัดเจน
  • อาจมีการระคายเคืองได้ในช่วงแรกที่จัดฟัน
  • อาจกระทบการพูดออกเสียงในช่วงแรกที่จัดฟัน

Photo Credit: https://www.freepik.com/ by artphotostudio

Self-ligate ทำงานอย่างไร

การจัดฟันแบบ Self-ligate มีลักษณะเป็นบานล็อกเปิด-ปิด แทนการใช้ยางที่เป็นแรงดึง และยึดติดกับลวดเหล็ก คนไข้จะไม่ต้องทนเจ็บกับการดึงเพื่อให้ฟันเข้าที่ ช่วยให้คนไข้รู้สึกสบาย ไม่เจ็บปวดในช่องปากเหมือนการจัดฟันแบบทั่วไป

ขั้นตอนการจัดฟันแบบ Self-ligate

  • ปรึกษาทันตแพทย์เพื่อวินิจฉัยโครงสร้างฟัน พิมพ์ปาก เอกซเรย์ ถ่ายรูป เพื่อประเมินว่าควรจัดฟันด้วยวิธีใดจึงจะเหมาะสมกับสภาพฟันมากที่สุด
  • ทันตแพทย์เคลียร์ช่องปาก เช่น อุดฟัน ผ่าฟันคุด และขูดหินปูน เป็นต้น
  • นัดหมายเพื่อติดเครื่องมือจัดฟัน
  • ทันตแพทย์นัดเข้ามาปรับลวด 1 เดือนครึ่ง – 2 เดือนต่อครั้ง
  • หลังจัดฟันเสร็จ ทันตแพทย์จะถอดเครื่องมือจัดฟันออก แล้วพิมพ์ฟันเพื่อทำรีเทนเนอร์ เพื่อคงสภาพฟันไว้ คนไข้ควรใส่รีเทนเนอร์อย่างสม่ำเสมอตามคำแนะนำของทันตแพทย์อย่างเคร่งครัด

การจัดฟันแบบ Self-ligate เหมาะกับใคร

  • ผู้ที่มีปัญหาฟันซ้อน ฟันเกมาก หรือมีปัญหาฟัน และขากรรไกรแบบ V- shape เพราะการจัดฟันแบบนี้ใช้ลวดที่มีความยืดหยุ่นสูง ช่วยเรื่องการขยายฟันได้ดี เหมาะสำหรับเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ที่กระดูกขากรรไกรยังยืดหยุ่นอยู่
  • ผู้ที่ไม่อยากพบทันตแพทย์บ่อย
  • ผู้ที่ไม่อยากให้เห็นลวดจัดฟันชัดเจน เพราะแบล็คเก็ตเป็นสีโลหะ ดูสุภาพ
  • ผู้ที่มีปัญหาฟันยุ่งยากซับซ้อน ต้องใช้การเคลื่อนตัวฟันมากเพื่อลดการยื่น หรือการเอียงของฟัน การจัดฟันแบบนี้จะช่วยลดระยะเวลาการดึงฟันลง ฟันเข้าที่ได้เร็ว และเจ็บปวดน้อยกว่าแบบอื่น ๆ

การจัดฟันแบบไม่รัดยาง ต่างจากการจัดฟันแบบธรรมดาอย่างไร

การจัดฟันแบบธรรมดา จะใช้ยางรัดฟันยึดตัว Bracket ไว้กับลวดจัดฟันเพื่อดึงให้ฟันเคลื่อนตัวเรียงกันสวยงาม แรงดึงของยางจะค่อนข้างสูง และฝืด ทำให้คนไข้รู้สึกปวดฟันในช่วง 3-5 วันแรกหลังจากดึงฟัน จากนั้นจึงค่อย ๆ ลดลง อีกทั้งคนไข้ยังต้องไปพบทันตแพทย์ทุกเดือนเพื่อเปลี่ยนยาง และปรับเครื่องมือจัดฟันให้เหมาะสม ฟันจึงเคลื่อนตัวค่อนข้างช้า เพราะแรงดึงไม่สม่ำเสมอ แต่ที่การจัดฟันแบบธรรมดาได้รับความนิยมสูงเพราะมีราคาค่อนข้างย่อมเยาว์เมื่อเทียบกับการจัดฟันรูปแบบอื่น

ส่วนการจัดฟันแบบไม่รัดยาง เป็นการจัดฟันที่เครื่องมือติดฟันมีคลิบล็อก หรือบานพับที่ยึดกับลวดได้ด้วยตัวเอง เมื่อไม่ใช้ยาง การเคลื่อนฟันจึงสม่ำเสมอ มีแรงฝืดน้อย และคงที่ ส่งผลให้ฟันเรียงตัวสวยงามในระยะเวลาอันรวดเร็ว เป็นการจัดฟันยุคใหม่ที่ตอบโจทย์คนมีเวลาน้อย อยากให้ฟันเข้าที่เร็ว และไม่อยากเจ็บฟันเป็นระยะเวลานาน

ข้อดีของการจัดฟันแบบ Self-ligate

  • ไม่ต้องใช้ยางรัด หรือใช้ลวดขึง จึงช่วยลดความเจ็บปวด และความไม่สบายช่องปากลง
  • ลดแรงเสียดทานระหว่างลวดจัดฟัน กับเครื่องมือจัดฟัน ทำให้ฟันเคลื่อนที่อิสระ และมีประสิทธิภาพมากกว่า
  • ลดระยะเวลาในการจัดฟันน้อยลง เห็นผลลัพธ์การจัดฟันไวขึ้น
  • ง่ายต่อการทำความสะอาด และลดความเสี่ยงการเกิดฟันผุ และโรคเหงือกอักเสบได้
  • ไม่ต้องเข้าพบทันตแพทย์เพื่อเปลี่ยนยางรัดบ่อย ๆ
  • เครื่องมือมีขนาดเล็กกว่าเมื่อเทียบกับการจัดฟันแบบดั้งเดิม จึงช่วยให้รู้สึกมั่นใจเวลายิ้ม หรือพูดคุยมากขึ้น
  • ไม่จำเป็นต้องถอนฟันออกเพื่อขยายพื้นที่ให้ฟันเรียงตัวสวยงาม

หลังจัดฟันแบบไม่รัดยาง ควรดูแลตัวเองอย่างไร

  • แปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง หรือทุกครั้งหลังกินอาหารเสร็จ
  • ใช้แปรงสีฟันขนนุ่ม หรือแปรงสีฟันสำหรับการจัดฟันโดยเฉพาะ
  • เลือกใช้ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ เพื่อป้องกันฟันผุ
  • ใช้ไหมขัดฟันสำหรับผู้จัดฟัน ทำความสะอาดทุกครั้งหลังมื้ออาหาร
  • หลีกเลี่ยงการกินอาหารแข็ง หรือเหนียวOnly Content Block
  • พบทันตแพทย์ทุก 6 เดือน หรือตามนัดทุกครั้งเพื่อตรวจสอบสภาพฟัน และปรับเครื่องมือจัดฟัน
  • หากพบความผิดปกติเกี่ยวกับเครื่องมือจัดฟัน ควรรีบมาพบทันตแพทย์ทันที

คำถามที่พบบ่อย 

  • การจัดฟันแบบไม่รัดยาง จำเป็นต้องเคลียร์ช่องปากไหม 

ตอบ จำเป็น การจัดฟันทุกรูปแบบ จำเป็นต้องเคลียร์ช่องปากก่อนทุกครั้ง เพื่อให้ทันตแพทย์พิจารณาว่าปัญหาของฟันเหมาะกับการจัดฟันรูปแบบไหนมากที่สุด นำไปสู่การวางแผนการรักษาที่เหมาะสมต่อไป 

  • หลังถอดเครื่องมือจัดฟัน จำเป็นต้องใส่รีเทนเนอร์ไหม 

ตอบ จำเป็น เพราะหลังถอดเครื่องมือจัดฟันออกแล้ว ฟันจะยังไม่คงที่ ควรใส่รีเทนเนอร์เป็นประจำตามที่ทันตแพทย์แนะนำอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ฟันคงรูปตามที่จัดไว้ หากใส่รีเทนเนอร์แค่บางครั้งบางคราวอาจส่งผลให้ฟันกลับไปเรียงตัวไม่เป็นระเบียบเหมือนเดิมจนต้องกลับไปจัดฟันใหม่อีกครั้งได้เลยทีเดียว 

  • การจัดฟันแบบ Self-ligate ดีไหม

ตอบ การจัดฟันแบบ Self-ligate ใช้เทคโนโลยีของตัวแบล็คเก็ตที่ช่วยให้ฟันเคลื่อนที่ไว เรียงตัวได้เร็ว ลดระยะเวลาในการรักษาได้ เหมาะสำหรับเคสซับซ้อน และผู้ที่มีเวลาทำไม่มาก ทั้งยังมีความปลอดภัยสูง เจ็บน้อยกว่าการจัดฟันประเภทอื่น ๆ และเหมาะกับทุกเพศทุกวัย แนะนำว่าผู้ที่สนใจควรปรึกษาทันตแพทย์ก่อนวางแผนการรักษาที่เหมาะสมจะดีที่สุด