ใครที่กำลังมองหาตัวเลือกในการจัดฟันนอกเหนือจากการจัดฟันแบบโลหะอยู่ เราจะพาไปทำความรู้จักการจัดฟันแบบ Self-ligate ว่าคืออะไร แตกต่างจากแบบโลหะอย่างไร และเหมาะสำหรับการจัดฟันแบบไหนบ้าง
ในยุคปัจจุบันที่เทคโนโลยีด้านทันตกรรมก้าวหน้าไปไกล หนึ่งในเทคโนโลยีที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ คือการจัดฟันด้วยนวัตกรรมใหม่อย่าง Self-ligate หรือการจัดฟันแบบไม่รัดยาง เพราะนวัตกรรมนี้ช่วยอำนวยความสะดวกให้การจัดฟันรวดเร็วทันใจมากยิ่งขึ้น คนไข้รู้สึกเจ็บน้อยลง ทำความสะอาดง่าย ทั้งยังยิ้มได้อย่างมั่นใจแม้จะมีเครื่องมือติดอยู่บริเวณหน้าฟัน ใครที่กำลังสนใจอยากจัดฟันด้วยนวัตกรรมนี้ The Tooth Club จะพาไปทำความเข้าใจความหมาย เครื่องมือที่ใช้ รวมไปถึงวิธีการดูแลตัวเองหลังจัดฟันด้วยวิธีนี้กัน
การจัดฟันแบบ Self-ligating (Self-ligating Braces) เป็นการจัดฟันด้วยนวัตกรรมใหม่แบบไม่ต้องรัดยางที่สามารถแก้ปัญหาได้ทั้งฟันห่าง ฟันเก ฟันล้ม รวมไปถึงการสบฟันที่ผิดปกติได้อย่างมีประสิทธิภาพ ได้รับการรับรองทางการแพทย์แล้วว่าสามารถลดเวลาในการจัดฟันให้น้อยลงได้ ให้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ และรู้สึกสบายขณะสวมใส่อุปกรณ์จัดฟัน เนื่องจากการจัดฟันรูปแบบนี้ถูกออกแบบมาเพื่อลดแรงเสียดทานของเครื่องมือขณะใช้เคลื่อนฟันโดยเฉพาะ จึงทำให้การเคลื่อนฟันมีประสิทธิภาพมากขึ้น คนไข้รู้สึกระคายเคืองน้อยลง
การทำงานของการจัดฟันรูปแบบนี้จะใช้กลไกบานพับขนาดเล็ก หรือคลิปล็อกยึดกับลวดอย่างหลวม ๆ ด้วยตัวเองโดยไม่จำเป็นต้องใส่ยางรัดฟัน (O-ring) เป็นเครื่องมือที่ดึงจุดเด่นของ Self-Ligating Brackets กับ Hi-Tech Arch Wires มาผสมไว้ด้วยกัน ฟันจะเคลื่อนตัวไปยังตำแหน่งที่ต้องการได้ไวขึ้น ทั้งยังไม่จำเป็นต้องมาพบทันตแพทย์ทุกเดือน ก็เป็นเจ้าของฟันเรียงสวยได้ตามที่ต้องการ
ที่ The Tooth Club แบ่งประเภทของ Self-ligate ออกเป็น 2 รูปแบบตามยี่ห้อของเครื่องมือที่ใช้ คือ Damon กับ Speedy Align โดยมีรายละเอียดของแต่ละยี่ห้อดังนี้
ข้อดี
ข้อเสีย
ข้อดี
ข้อเสีย
Photo Credit: https://www.freepik.com/ by artphotostudio
การจัดฟันแบบ Self-ligate มีลักษณะเป็นบานล็อกเปิด-ปิด แทนการใช้ยางที่เป็นแรงดึง และยึดติดกับลวดเหล็ก คนไข้จะไม่ต้องทนเจ็บกับการดึงเพื่อให้ฟันเข้าที่ ช่วยให้คนไข้รู้สึกสบาย ไม่เจ็บปวดในช่องปากเหมือนการจัดฟันแบบทั่วไป
การจัดฟันแบบธรรมดา จะใช้ยางรัดฟันยึดตัว Bracket ไว้กับลวดจัดฟันเพื่อดึงให้ฟันเคลื่อนตัวเรียงกันสวยงาม แรงดึงของยางจะค่อนข้างสูง และฝืด ทำให้คนไข้รู้สึกปวดฟันในช่วง 3-5 วันแรกหลังจากดึงฟัน จากนั้นจึงค่อย ๆ ลดลง อีกทั้งคนไข้ยังต้องไปพบทันตแพทย์ทุกเดือนเพื่อเปลี่ยนยาง และปรับเครื่องมือจัดฟันให้เหมาะสม ฟันจึงเคลื่อนตัวค่อนข้างช้า เพราะแรงดึงไม่สม่ำเสมอ แต่ที่การจัดฟันแบบธรรมดาได้รับความนิยมสูงเพราะมีราคาค่อนข้างย่อมเยาว์เมื่อเทียบกับการจัดฟันรูปแบบอื่น
ส่วนการจัดฟันแบบไม่รัดยาง เป็นการจัดฟันที่เครื่องมือติดฟันมีคลิบล็อก หรือบานพับที่ยึดกับลวดได้ด้วยตัวเอง เมื่อไม่ใช้ยาง การเคลื่อนฟันจึงสม่ำเสมอ มีแรงฝืดน้อย และคงที่ ส่งผลให้ฟันเรียงตัวสวยงามในระยะเวลาอันรวดเร็ว เป็นการจัดฟันยุคใหม่ที่ตอบโจทย์คนมีเวลาน้อย อยากให้ฟันเข้าที่เร็ว และไม่อยากเจ็บฟันเป็นระยะเวลานาน
คำถามที่พบบ่อย
ตอบ จำเป็น การจัดฟันทุกรูปแบบ จำเป็นต้องเคลียร์ช่องปากก่อนทุกครั้ง เพื่อให้ทันตแพทย์พิจารณาว่าปัญหาของฟันเหมาะกับการจัดฟันรูปแบบไหนมากที่สุด นำไปสู่การวางแผนการรักษาที่เหมาะสมต่อไป
ตอบ จำเป็น เพราะหลังถอดเครื่องมือจัดฟันออกแล้ว ฟันจะยังไม่คงที่ ควรใส่รีเทนเนอร์เป็นประจำตามที่ทันตแพทย์แนะนำอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ฟันคงรูปตามที่จัดไว้ หากใส่รีเทนเนอร์แค่บางครั้งบางคราวอาจส่งผลให้ฟันกลับไปเรียงตัวไม่เป็นระเบียบเหมือนเดิมจนต้องกลับไปจัดฟันใหม่อีกครั้งได้เลยทีเดียว
ตอบ การจัดฟันแบบ Self-ligate ใช้เทคโนโลยีของตัวแบล็คเก็ตที่ช่วยให้ฟันเคลื่อนที่ไว เรียงตัวได้เร็ว ลดระยะเวลาในการรักษาได้ เหมาะสำหรับเคสซับซ้อน และผู้ที่มีเวลาทำไม่มาก ทั้งยังมีความปลอดภัยสูง เจ็บน้อยกว่าการจัดฟันประเภทอื่น ๆ และเหมาะกับทุกเพศทุกวัย แนะนำว่าผู้ที่สนใจควรปรึกษาทันตแพทย์ก่อนวางแผนการรักษาที่เหมาะสมจะดีที่สุด